CCP เผยทิศทางธุรกิจปี 2563 แนวโน้มดี ชูกลยุทธ์ขยายฐานลูกค้ารายย่อยทั่วประเทศ  ปรับโมเดลธุรกิจคอนกรีตผสมเสร็จ เพิ่มความสามารถการทำกำไร พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่คอนกรีตสำเร็จรูป รองรับงานโครงสร้างพื้นฐานและงาน Landscape เดินหน้าประมูลงานเมกะโปรเจ็กต์ พร้อมทุ่มงบ 60 ล้านบาท เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต รักษา Backlog 1,700 ล้านบาท ตั้งเป้าเติบโต 10 % รายได้ 2,600 ล้าน

นายอาทิตย์ ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) (CCP) เปิดเผยว่า ความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์คอนกรีตปีนี้มีแนวโน้มดี โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการลงทุนงานโครงสร้างพื้นฐาน โครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ทยอยดำเนินงานก่อสร้าง อีกทั้งยังมีโครงการของหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ต่างๆ ที่มีการก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง อาทิ งานถนน งานอาคารสำนักงาน ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนทรงตัว      

แผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้  บริษัทจะมุ่งเน้นการปรับโมเดลธุรกิจคอนกรีตผสมเสร็จ (Ready Mix) เนื่องจากเทรนด์การก่อสร้างในปัจจุบันใช้ระยะเวลาที่สั้นลง ต้องปรับกลยุทธ์ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า ซึ่งจะมุ่งเน้นการให้บริการในลักษณะ Mobile Plant โดยจัดตั้งแพลนท์ปูนชั่วคราวที่สามารถรื้อถอนได้  ให้บริการเช่ารถขนส่ง ขายคอนกรีต รวมทั้งให้บริการตรวจสอบคุณภาพผงปูน เพื่อเสริมศักยภาพการแข่งขัน เพิ่มความสามารถในการทำกำไร

ด้านสินค้า Precast ยังคงเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์สเปกพิเศษ ออกสินค้านวัตกรรมใหม่อย่างต่อเนื่อง รองรับงานโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ งานถนน งานสะพาน ขยายฐานลูกค้าไม่จำกัดเฉพาะภาคตะวันออก มุ่งเน้นเข้าประมูลงานทั่วประเทศ   

ขณะที่สินค้าประเภทบล็อกคอนกรีตสำเร็จรูป อาทิ บล็อกปูพื้น กำแพงกันดิน มีความต้องการใช้งานเพิ่มสูงขึ้น ปัจจุบันมีหน่วยงานหลายแห่งเริ่มนำผลิตภัณฑ์ของบริษัทเข้าไปใช้ในงานด้าน Landscape ในปีนี้บริษัทจะเน้นการทำตลาดผลิตภัณฑ์ในส่วนนี้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้จะมุ่งเน้นการเปิดตลาดใหม่เพื่อขยายฐานลูกค้าและกระจายความเสี่ยง รวมทั้งขยายช่องทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูป ผ่านช่องทางการจำหน่ายที่มีประสิทธิภาพเพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้ารายย่อยทั่วประเทศ

ปัจจุบันบริษัทมี Backlog ประมาณ 1,700 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ในระยะเวลา 1 ปีครึ่งแบ่งเป็นการรับรู้รายได้ภายในปีนี้ 60% โดยบริษัทจะทยอยประมูลงานเข้ามาเพิ่มอีกในอนาคต เพื่อรักษาระดับมูลค่างานในมือ (Backlog) ไว้ไม่ต่ำกว่า 1,800 ล้านบาท ซึ่งในปีนี้บริษัทตั้งงบสำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์และปรับปรุงเครื่องจักรเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตไว้ที่ประมาณ 60 ล้านบาท 

สำหรับเป้าหมายการเติบโตปีนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ไว้ที่ประมาณ 2,600 ล้านบาท สัดส่วนรายได้มาจากงานภาครัฐ 80% และภาคเอกชน 20%